วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การออกกำลังกายอวัยวะเพศ?



























อวัยวะเพศก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ร่างกายจะแข็งแรงต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน อวัยวะเพศก็เช่นกัน ต้องให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศบ่อยๆ เพราะขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวจะมีเลือดไปเลี้ยงมากที่สุด ละเป็นเลือดที่มีออกซิเจนมากที่สุด ทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่มการแข็งตัวของอวัยวะเพศจะทำให้มีการสร้าง Prostaglandin E1 สารตัวนี้จะมีหน้าที่สองประการคือ ทำให้หลอดเลือดแดงไม่แข็งตัวเลือดแดงไปเลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น ประการที่สองคือสารนี้จะลดการสร้าง collagen ซึ่งทำให้เกิดพังผืดในอวัยวะเพศ ทำให้การแข็งตัวไม่ดี ร่างกายของคนเรามีระบบให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศโดยมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศในตอนนอนเพื่อให้อวัยวะเพศสร้างสาร Prostaglandin E1


ในเด็กวัยรุนจะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ 3-5 ครั้งต่อคืน แต่ละครั้งใช้เวลา 20-30 นาที ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบริหาร แต่สำหรับคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ระดับฮอร์โมนเริ่มลดลง การแข็งตัวในตอนกลางคืนลดลง และไม่นาน จึงมีความจำเป็นต้องบริหารให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัวบ่อยเพื่อให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่ม และมีการสร้าง Prostaglandin E1


การบริหารอวัยวะเพศจะต้องทำให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัว 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และแข็งแต่ละครั้งนาน 20-30 นาทีเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศ และป้องกันเส้นเลือดแข็ง

การหลั่งบ่อย ต่อมลูกหมากจะมีการสร้างน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงเชื้ออยู่ตลอดเวลา การหลั่งบ่อยจะเป็นการลดอาการบวมของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะทำให้สุขภาพของต่อมลูกหมากดีขึ้น มีการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อในต่อมลูกหมากทำงานดีขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น และการฉีดของน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น

การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน จะเป็นการเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการหลั่งเร็วและใช้รักษาโรคกามตายด้าน













วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

ปล่อย...



ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร

ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป

ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป

ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป...


เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา

โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า

จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา

เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา

ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...


ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ

ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ

ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ

ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...


เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา

หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า

ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา

อันว่าความตายคือสัจธรรมความเที่ยง

สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา

จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...


(ปล่อย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน)


คนเรามีหลายประเภทที่ต้องศึกษา

ผมชอบมองคนแต่ละประเภท

ศึกษาแล้วนำสิ่งดีๆของเค้ามาปฎิบัติ

ในส่วนที่ไม่ดีก็ทิ้งและไม่ใส่ใจ

คนเราอยู่ในโลกนี้ไม่ถึงร้อยปีสักคน

เดี๋ยวก็ล้มหายตายจากกันไปแล้ว

จะโกรธจะเกลียดกันทำไม

อยู่เป็นมิตรและอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข มีน้ำใจ

ช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกันจะดีกว่านะคร้าปปป...


วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

การช่วยตัวเองของผู้ชาย...


การช่วยตัวเองของผู้ชายนั้น

ดูจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามการเรียกร้องของความต้องการทางเพศซึ่งมีมากกว่าผู้หญิง และสามารถทำได้บ่อยๆ รวมทั้งถือเป็นสิ่งปกติ หากจะช่วยตัวเอง แม้จะแต่งงานแล้วก็ตาม ผู้ชาย (ไทย) ส่วนใหญ่มักรู้สึกอับอายและไม่ค่อยบอกใครเรื่องนี้ หรือบางคนยังกลัวหากเพื่อนรู้ว่าตนเองยังสำเร็จความใคร่อยู่ รวมทั้งกลัวผู้ปกครองรู้เห็นเรื่องส่วนตัวแบบนี้ของตนเองด้วย


ผู้ชายจำนวนมากจึงเรียนรู้ที่จะช่วยตัวเองอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อป้องกันคนอื่นมาเห็นเข้า แต่เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้นกลับต้องมาเรียนรู้วิธีการชะลอการหลั่งกาม ซึ่งสำคัญมากกว่าการบรรลุจุดสุดยอดเสียอีก และไม่ค่อยสนใจเรื่องของความเร็วอีกต่อไป


เทคนิคการทำมาสเตอร์เบชั่นของผู้ชาย

ผู้ชายมีวิธีการทำรักให้ตัวเองได้หลากหลายวิธี วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดของพวกเขา คือการบีบองคชาติ เมื่อมันเริ่มแข็งตัว ก็จะต่อด้วยการใช้มือรูดเข้า-ออกที่อวัยวะเพศ จากส่วนปลายมาถึงโคน ยิ่งหากใช้มือบีบอยู่ที่บริเวณฐานขององคชาต โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสทางส่วนปลาย จะทำให้การหลั่งเกิดช้าลงได้ด้วย


โดยปกติกในขณะที่ทำมาสเตอร์เบชั่น อวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น บริเวณขาหนีบ ต้นขา องคชาต และอัณฑะจะเกิดการตื่นตัวต่อสัมผัสมากขึ้น เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวดีแล้ว ผู้ชายส่วนมากชอบที่จะกดและนวดเบาๆ ที่ถุงอัณฑะ การสัมผัสส่วนหนึ่งส่วนใดบริเวณอวัยวะเพศ ก็จะเป็นการเพิ่มความตื่นเต้นทางเพศทั้งสิ้น รวมทั้งส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากบริเวณนั้นด้วย เช่น บริเวณหัวนมของผู้ชายเอง


ผู้ชายบางคนชอบทำมาสเตอร์เบชั่นขณะนอนคว่ำบนเตียง เพื่อให้บางส่วนหรือด้านในของแท่งองคชาตถูไถกับที่นอน บางคนชอบทำมาสเตอร์เบท โดยการใช้สารหล่อลื่นมากกว่าการทำในขณะแห้งๆ แต่การหลั่งเร็วก็จะช่วยเป็นตัวหล่อลื่นในตัวเอง แต่อาจทำให้อสุจิที่มีจำนวนจำกัดต่อครั้ง ต้องรออีกนานกว่าจะหลั่งได้อีก


การใช้โลชั่นหรือวาสลินทาที่มือก็เป็นการช่วยหล่อลื่นได้ แต่ก็เป็นอันตรายต่อผู้ที่สวมถุงยางอนามัย เพราะมีสารประกอบที่เป็นน้ำมันอยุ่ด้วย การใช้เจลสุตรน้ำประเภท KY เจลเพื่อผลิตมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยตรงจะแก้ปัญหาไปได้ผู้ชายบางคนใช้อุปกรณ์ช่วยในการทำมาสเตอร์เบชั่น เช่น ไวเบรเตอร์ (อวัยวะเพศชายใส่แบตเตอร์รี่สั่นสะเทือนได้), ใช้ฝอยน้ำจากฝักบัวและอื่นๆ และส่วนใหญ่อุปกรณ์เหล่านี้ทำให้เกิดความตื่นเต้น แม้ในระยะสั้นๆ ก็ตาม

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

10 ไอเดียดูแลสุขภาพผู้ชาย




คุณผู้ชายทั้งหลายมีส่วนคล้ายเด็กอยู่เหมือนกัน ตรงที่ว่าต้องมีเทคนิคโน้มน้าวใจเสียหน่อยถึงจะยอมคล้อยตามหรือลงมือทำอะไรสักอย่าง ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งนั้นดีกับตัวเอง ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ในบทบาทใด จะเป็นคุณแม่ คนรัก พี่สาว น้องสาว หรือลูกสาวของพ่อ เรามีวิธีดีๆมาบอกกัน เพื่อช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ “ ผู้ชายของคุณ ” มีสุขภาพดียิ่งขึ้นนะครับ
1. หนึ่งแก้วหลังตื่นนอน ตื่นให้เช้าอีกสัหน่อย แล้วเตรียมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ววางไว้บนหัวเตียงหรือในจุดที่คุณผู้ชายที่ตื่นมาแล้วมองเห็นได้ง่าย การดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนนั้นดีต่อสุขภาพ ( ควรดื่มก่อนแปรงฟัน ) เพราะน้ำลายในปากจะมีแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ช่วยเรื่องการขับถ่าย และยังช่วยลดความเสี่ยงเรื่องต่อมลูกหมากอักเสบ วิธีง่ายๆอย่างนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสการดื่มน้ำช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดชื่น เพื่อเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างดี

2. อย่าพลาดอาหารเช้า ไม่ว่าคุณจะวุ่นวายแค่ไหน ก็อย่าให้เขาพลาดมื้อเช้าเพราะการกินมื้อเช้าช่วยลดความเสี่ยงสุขภาพไปได้เยอะ ทั้งเรื่องหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และอัลไซเมอร์ ลองดัดแปลงอาหารเช้าทำง่ายๆได้สุขภาพมาแทน เช่น แซนวิชทูน่าหรือปลากะพงอบ ไข่คนใส่มะเขือเทศ ฯลฯ หากไม่มีเวลามาก คุณอาจซื้ออาหารหรือทำเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเข้านอน เช่น อบปลาแซลมอนหรือปลากะพงเพื่อเป็นไส้แซนด์วิช ต้มซุปไก่ใส่มันฝรั่งแล้วเก็บเข้าตู้เย็นก่อนกินมื้อเช้าก็นำมาอุ่นกินได้ทันที เริ่มต้นวันอย่างดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วจริงไหมคะ
3. เตรียมผลไม้ให้กินง่าย การมีผลไม้วางใส่ตะกร้า บางทีก็ไม่เร้าใจเพียงพอให้คุณผู้ชายหยิบมากินหรอกนะคะ คุณอาจต้องหั่นเป็นชิ้นใส่กล่องเก็บไว้ในตู้เย็น หรือใส่จานเสิร์ฟหลังมื้ออาหารการอยู่ใกล้มือและกินง่ายจะช่วยให้เขากินผลไม้ได้มากขึ้น แต่ถ้าจะให้ดีลองดัดแปลงผลไม้ที่เขาชอบมาเป็นของว่าง เครื่องดื่มรูปแบบต่างๆดู เช่นสมู้ธตี้ ผลไม้ลอยแก้ว ฟรุตสลัด ฯลฯ น่าจะทำให้การกินสนุกและอร่อยยิ่งขึ้น
4. ชวนกันไปออกกำลังกาย อย่าปล่อยให้เพลินไปกับเกมคอมพิวเตอร์ หรือคร่ำเคร่งกับหน้าที่การงานเสียจนละเลยสุขภาพ ลองเอ่ยปากชวนกันไปออกกำลังกายดูบ้าง เลือกชนิดกีฬาที่ชอบ คุณผู้ชายจะได้มีความยากเล่นมากขึ้น อาจเริ่มต้นจากกีฬาง่ายๆ อย่างเช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง ขี่จักรยาน รวมถึงการสมัครสมาชิกสปอร์ตคลับหรือซื้ออุปกรณ์กีฬาโปรดชิ้นใหม่ให้ด้วย จะช่วยให้มีความตั้งใจออกกำลังกายเพิ่มขึ้น แต่อย่าปล่อยให้เขาไปเล่นเพียงลำพังล่ะ เพราะการมีเพื่อนไปออกกำลังกายด้วยกันนั้นได้ทั้งความสนุก กระชับความสัมพันธ์และจะได้มีสุขภาพดีกันทั้งครอบครัว5. อย่าลืมครีมกันแดด ไม่ใช่เรื่องรักสวยรักงามเลยค่ะ เพราะอันตรายของรังสีจากแสงอาทิตย์นั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างที่เราไม่รู้ตัว คุณน่าจะสรรหาครีมกันแดดชนิดที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ อาจเป็นออยล์ฟรีหรือมีส่วนผสมหลักเป็นน้ำ ( water base ) มาให้เขาใช้ อย่างน้อยจะได้ไม่สร้างความรำคาญให้ผิวหน้าจนเกินไป และช่วยป้องกันอันตรายจากแสงอาทิตย์ได้ในระดับหนึ่ง
6. กำหนดเมนูปลาไว้ทุกวัน คุณก็รู้อยู่แล้วว่าประหลาดีต่อสุขภาพ คงจะดีแน่ถ้าทุกมื้ออาหารมีปลาอย่างน้อยๆหนึ่งเมนู อาจเปลี่ยนรูปแบบการปรุงให้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ทอดกระเทียม นึ่งมะนาว หรือเผา รวมทั้งเลือกปลาหลากหลายชนิด จะช่วยให้การกินปลาไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ดีต่อหลอดเลือดหัวใจ ระบบประสาท และสุขภาพจิต เลือกกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะดีมาก
7. นวด สัมผัสเพื่อผ่อนคลาย คุณผู้ชายเขาแอบกระซิบมาค่ะว่า ไม่ได้ต้องการคนนวดระดับเซียนหรอก แต่ถ้ากลับมาบ้านแล้วมีคนใกล้ชิดมานวดให้ผ่อนคลายเสียบ้าง เขาจะหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง เพราะความเคร่งเครียดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณบ่า ต้นคอ และศีรษะตึงและมีอาการเกร็ง หากได้รับการบีบนวดสักหน่อยจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เทคนิคนี้คุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นแล้วผลัดกันนวดก็ได้ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันอย่างดีด้วย

8. ขยันให้กำลังใจหน่อย คุณผู้ชายมักทำงานด้วยความมุ่งมั่น บางครั้งก็เครียดจนชีวิตขาดสีสันและเสียงหัวเราะ ลองเจียดเวลาส่งแมสเสจดีๆหรือข้อความอาจรวมถึงการส่งเรื่องขำขันไปให้ การได้หัวเราะแม้จะเป็นเพียงวันละครั้งก็ยังดี เวลาอยู่ในบ้านอาจเขียนข้อความน่ารักๆ หรือความห่วงใยติดไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ตู้เสื้อผ้า หน้าตู้เย็น หรือที่กระจกหน้ารถ เขาจะได้รู้ว่ายังมีคนใส่ใจและห่วงใยเขาอยู่
9. ใส่ใจรถหน่อย รถก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง ฉะนั้นอย่าลืมทำบ้านเคลื่อนที่หลังนี้ให้น่าอยู่ ด้วยการช่วยเขาเก็บขยะไปทิ้ง ดูดฝุ่นในรถบ้าง จัดของในรถให้เป็นระเบียบ เตรียมซีดีเพลงโปรดใส่รถไว้ให้ หรือหยอดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นดีๆ ที่ช่วยบำบัดไว้ในรถแทนที่จะใช้น้ำหอมดับกลิ่น นอกจากจะทำให้อากาศในรถดีขึข้นแล้ว อาจจะทำให้เขานึกถึงคุณและอยากจะรีบกลับบ้านมากขึ้นก็เป็นได้
10. หาเวลาไปต่างจังหวัดบ้าง ไปปลดปล่อยภาระหน้าที่การงานด้วยการออกท่องเที่ยวผจญภัยกันดีกว่าแม้ไม่ต้องมีเวลามากก็ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศได้ เพราะคุณผู้ชายเขาเบื่อเต็มทนกับการต้องใช้เวลาว่างในห้างสรรพสินค้า คุณอาจจะลองเสนอไอเดียไปเที่ยวนี้ให้เขาเลือก สถานที่และกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน เช่น ไปปิกนิก ไปปีนเขา ดำน้ำ หรือตกปลา วิธีนี้น่าจะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวได้พักผ่อนทั้งกายและใจ ทั้งยังกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

อาการหลั่งน้ำกามเร็ว...




อาการหลั่งน้ำกามเร็วหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าล่มปากอ่าวนั้นเป็นหนึ่งในปัญหาความผิดปกติในสมรรถภาพทางเพศที่พบบ่อยในเพศชาย แม้มิใช่อาการหย่อนสมรรถภาพทางการแข็งตัวขององคชาต แต่ภายหลังการหลั่งน้ำกามแล้วนั้นองคชาตจะสูญเสียการแข็งตัวและอ่อนตัวลงโดยทันที ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ต่อไปได้ กล่าวกันว่าเพศชาย ร้อยละ 65-75 จะประสบกับปัญหานี้ ในบางครั้งบางคราวของการมีเพศสัมพันธ์ พบบ่อยในเพศชายวัยหนุ่มอายุ 17-18 ปี ที่เพิ่งเริ่มมีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งแรก ซึ่งส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 75 จะสามารถพัฒนาความสามารถในการควบคุมการหลั่งน้ำกามให้ยาวนานดีขึ้น เมื่อมีประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น อาการหลั่งน้ำกามเร็วนี้ จัดเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดความไม่เชื่อมั่น และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศของตนเองขึ้น ทำให้มีความสนใจทางเพศลดน้อยลงและอาจนำไปสู่อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ในที่สุด ผลที่เกิดขึ้นในเพศหญิงจะทำให้มีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย นอนไม่หลับ และบางครั้งอาจมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ทั้งนี้เนื่องจากอารมณ์ความรู้สึกทางเพศที่ก่อตัวขึ้นจากการกระตุ้นเร้ามาก่อนหน้า ไม่สามารถบรรลุถึงอารมณ์เพศสุดยอดและปลดปล่อยออกมาได้ เป็นเหตุชักนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกขึ้นในชีวิตสมรสและครอบครัวในที่สุด

ความหมายของอาการหลั่งน้ำกามเร็ว

อาการหลั่งน้ำกามเร็ว หมายถึง การหลั่งน้ำกามที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับการกระตุ้นทางอารมณ์เพศเพียงเล็กน้อยหรือเกิดขึ้นก่อน/ระหว่าง ทันทีที่หรือชั่วระยะเวลาอันสั้นขณะสอดใส่องคชาตเข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิงหรือถ้านับตามช่วงเวลา จะหมายถึง ไม่สามารถอดกลั้นเหนี่ยวรั้งการหลั่งน้ำกามให้ยาวนานมากกว่า 1 นาที ภายหลังสอดใส่องคชาตเข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิง โดยปกติเพศชายจะหลั่งน้ำกามภายในระยะเวลาเฉลี่ย 4-7 นาที หลังมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น และเพศหญิงต้องใช้ระยะเวลา เฉลี่ย 8 นาทีของการมีเพศสัมพันธ์กว่าจะบรรลุอารมณ์เพศสุดยอด

ประเภทของอาการหลั่งน้ำกามเร็ว แบ่งออกเป็น
1. อาการหลั่งน้ำกามเร็วที่เกิดขึ้นตลอดทุกครั้ง หมายถึง มีอาการหลั่งน้ำกามเร็วเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกและตลอดทุกครั้งของการมีเพศสัมพันธ์ มีสาเหตุจากความผิดปกติในสรีระการรับความรู้สึกทางระบบประสาทโดยเฉพาะที่อยู่บริเวณองคชาต
2. อาการหลั่งน้ำกามเร็วที่เกิดขึ้นในภายหลัง หมายถึง ก่อนหน้านี้จะมีสมรรถภาพทางเพศ และการหลั่งน้ำกามเป็นปกติ และเกิดมีอาการหลั่งน้ำกามเร็วขึ้นในภายหลัง มีสาเหตุจากความผิดปกติทางจิตใจ ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุโดยอาจมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้นก่อนหน้า


สาเหตุของอาการหลั่งน้ำกามเร็ว แบ่งออกได้เป็น
1. สาเหตุทางด้านร่างกาย ได้แก่ ความไวต่อการกระตุ้นและรับความรู้สึกของเส้นประสาทที่อยู่บริเวณส่วนหัวและลำองคชาต มีสาเหตุจากความผิดปกติในสรีระการทำงานของระบบประสาทเอง หรือเกิดจากการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์หรืออวัยวะที่อยู่โดยรอบ เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ ริดสีดวงทวารชนิดมีการอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น
2. สาเหตุทางด้านจิตใจ ได้แก่ ความวิตกกังวลต่อสมรรถภาพทางเพศของตนเอง มักเป็นคนที่วิตกกังวลในเรื่องต่างๆ กลัวความล้มเหลวหรือผิดหวัง หรือมีความเข้าใจที่ผิดในเรื่องการหลั่งน้ำกาม ความเชื่อทางศาสนาและทัศนคติทางเพศ ที่ได้รับการสั่งสอนอบรมแต่วัยเด็กว่าเรื่องเพศว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสมน่ารังเกียจ และต้องปกปิด
3. สาเหตุทางยา ที่สำคัญคือ เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท
สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ความแปลกใหม่ของสิ่งเร้าทางเพศ สภาพแวดล้อม และหญิงคนใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า รวมทั้งความบ่อยครั้งของการมีเพศสัมพันธ์ที่ห่างกันมากเกินไป
4. สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ความแปลกใหม่ของสิ่งเร้าทางเพศ สภาพแวดล้อม และหญิงคนใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า รวมทั้งความบ่อยครั้งของการมีเพศสัมพันธ์ที่ห่างกันมากเกินไป

การบำบัดรักษาอาการหลั่งน้ำกามเร็ว
ที่ผ่านมามักมีความเชื่อว่า อาการหลั่งน้ำกามเร็วนั้นมีสาเหตุทางด้านจิตใจแต่เพียงอย่างเดียว ได้แก่ มีความวิตกกังวลและประสบการณ์การทางเพศที่น้อย การบำบัดรักษาจึงเป็นการพูดคุยทำความเข้าใจและให้ความรู้ทางด้านเพศเป็นหลัก รวมทั้งการแนะนำวิธีการบำบัดรักษาทางเพศร่วมด้วยในบางครั้ง ต่อเมื่อการสังเกตุพบผลข้างเคียงจากยาบางประเภทต่อการตอบสนองทางเพศ ร่วมกับการศึกษาวิจัยในสรีระการทำงานของร่างกายต่อการตอบสนองทางเพศที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการบำบัดรักษาเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีวิธีการบำบัดรักษาต่างๆ ดังนี้
1. การให้ความรู้เรื่องเพศ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องต่างๆ ทางเพศทั้งในเพศชายและหญิง ได้แก่ กายวิภาคของระบบสืบพันธุ์ สรีระการตอบสนองทางเพศ อาทิเช่น การแข็งตัวขององคชาตและการหลั่งน้ำกาม การกระตุ้นเร้าทางเพศและการบรรลุอารมณ์เพศสุดยอดในเพศหญิง โดยเฉพาะในคู่ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางเพศน้อย หรือเพิ่งเริ่มมีความสัมพันธ์ทางเพศเป็นครั้งแรก เพื่อให้เกิดความมั่นใจและคลายความกลัววิตกกังวลต่างๆลง
2. การบำบัดรักษาทางเพศ เป็นเทคนิควิธีการปฏิบัติทางเพศ เพื่อควบคุมระดับการตอบสนองทางเพศและการหลั่งน้ำกามให้ยาวนานออกไป มีขั้นตอนวิธีปฏิบัติร่วมกันดังนี้
1.ในช่วงเริ่มต้นครั้งแรกของการบำบัดรักษา เพศชายและหญิงทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันว่า จะใช้วิธีการกระตุ้นเร้าทางเพศเฉพาะภายนอกให้แก่กันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่พยายามมีเพศสัมพันธ์กัน
2.ทั้งสองฝ่ายกระทำการกระตุ้นเร้าทางเพศให้แก่กัน ในเพศชายให้กระตุ้นเร้าที่องคชาต กระทั่งมีความรู้สึกใกล้จะมีการหลั่งน้ำกามเกิดขึ้น ให้หยุดการกระตุ้นเร้าทางเพศนี้ลงโดยทันทีทันใด
สำหรับการหยุดกระตุ้นเร้าทางเพศนี้ อาจใช้วิธีหยุ

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ไปเที่ยวลำปลายมาศกัน


วันที่ 3 มี.ค. 53 นี้จะได้ไปเที่ยวลำปลายมาศอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สองแล้วซินะที่จะได้ไปลำปลายมาศ ไปคราวก่อนได้นั่งรถไฟด้วย นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้นั่งรถไฟ เค้าเป็นคนพาให้ผมได้ไปเห็นอะไรที่แตกต่าง จากที่เคยได้พบเจอมา เป็นคนแรกที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกมากมาย ที่เรายังไม่เคยได้สัมผัส ได้เจออะไรที่แปลกใหม่ เจอสถานที่ใหม่ๆ แล้วก็ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ขอบคุณจริงๆนะ ขอบคุณมาก นายบู้ .............
จากใจพี่ชาย................

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

Menchi Katsu


วันนี้ขอแนะนำ Menchi Katsu เป็นเมนูที่ใช้เนื้อหรือหมูสับละเอียดเป็นส่วนผสมหลัก ทอดในน้ำมันร้อนๆ อาจจะออกแนวตะวันตกนิดๆแต่ประยุกต์จนเป็นอาหารญี่ปุ่นแสนโอชะในทุกวันนี้

วิธีทำ
1นำส่วนผสมต่อไปนี้ใส่ลงในชาม มีหัวหอมใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ, ไข่ไก่ 1 ฟอง, ขนมปังกรอบป่นละเอียด 60 g.,เกลือ 1 ช้อนชา, นมหรือไวน์แดง 1 ช้อนโต๊ะ และเหยาะผงกระเทียม,พริกไทยป่นตามชอบ จากนั้นคลุกเคล้าด้วยมือให้เข้ากัน
2นำเนื้อหรือเนื้อหมูสับละเอียดใส่ลงในชามที่ผสมเครื่องไว้แล้วประมาณ 5 ขีด คลุกเคล้านวดด้วยมือจนส่วนผสมเข้ากันดี
3เมื่อนวดจนเหนียวจับตัวกันดีแล้ว ให้กวนเป็นก้อนแล้วปาในชามอีกประมาณ 10 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เนื้อเหนียวนุ่มยิ่งขึ้น

4จากนั้นนำเนื้อที่ได้มาปั้นเป็นก้อนวงรี จะได้ประมาณ 5-6 ก้อน
5นำก้อนเนื้อที่ปั้นไว้ไปคลุกแป้ง, ชุบไข่ และโรยด้วยขนมปังป่นกรอบอีกที ขณะนี้เนื้อก็พร้อมที่จะรอทอดแล้วค่ะ
6 เทน้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อนจัดนิดนึง แล้วเริ่มใส่ก้อนเนื้อที่เตรียมไว้ ทอดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วค่อยกลับนะคะ เนื้อจะได้ไม่เละติดกระทะ แล้วผลิกไปมาจนเหลืองกรอบได้ที่ เท่านี้ก็จะได้เมนูเด็ดสำหรับมื้อนี้แล้วค่ะ...เอื๊อกๆๆ

ปลาหมึกย่างซีอิ๊ว (Ika Teriyaki)


เครื่องปรุง
ปลาหมึกกระดอง 500 กรัม
ขิงดอง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำจิ้มปลาย่าง 1 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างปลาหมึก เอาส่วนที่รับประทานไม่ได้ออก ผ่าและบั้งเป็นตาราง
2. คลุกเคล้าปลาหมึกกับน้ำจิ้มปลาย่าง หมักไว้ 10 นาที ย่างปลาหมึกด้วยไฟกลางพอสุกเหลือง หั่นเป็นชิ้นพอคำ
3. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยผัก รับประทานคู่กับน้ำจิ้มปลาย่างและขิงดอง
น้ำจิ้มปลาย่าง
ขิงแก่ทั้งเปลือกย่างหั่นบางๆ 200 กรัม
แครอททั้งเปลือกย่างหั่นบางๆ 200 กรัม
หอมใหญ่หั่นแว่น 400 กรัม
กระดูกปลาย่างสุก 200 กรัม
ปลาแห้ง 20 กรัม
น้ำตาลทราย 3 ถ้วย
เหล้าสาเก 1 ถ้วย
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ถ้วย
1. ใส่เหล้าสาเกลงในหม้ ตั้งไฟจนหมดกลิ่นแอลกอฮอล์
2. ผสมเครื่องปรุงทุกอย่างลงไปในหม้อ ตั้งไฟกลาง พอเริ่มเดือดใส่กระดูกปลาเคี่ยวไฟอ่อนจนข้นจึงใส่ปลาแห้ง เคี่ยวต่ออีก 5 นาทีให้มีกลิ่นหอม ยกลงกรองเอาแต่น้ำ สามารถเก็บใส่ขวดไว้ใช้ได้นาน

ปัญหาสิวๆ ของชายหนุ่ม...


นพ.ประวิตร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง โรคสิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด และสร้างความรําคาญใจมากด้วย เพราะส่วนใหญ่เป็นที่ใบหน้า ขอรวบรวมคำถามเกี่ยวกับโรคสิวมาตอบในฉบับนี้นะครับ ยารักษาสิวเสี้ยน

Q. มีสิวเสี้ยนเยอะมาก ปรึกษาร้านขายยาแนะนำให้ใช้ BP (เบ็นซอยล์เปอร์ออกไซด์) และกรดวิตามิน เอ อยากทราบว่ายา 2 ตัวนี้จะทาพร้อมกันได้ไหมครับเจตนิพิฐ / จ.ชลบุรี

A. ยาทา BP และกรดวิตามินเอเป็นยารักษาสิวเสี้ยนที่แพทย์และเภสัชกรมักแนะนำให้ใช้รักษาสิวเสี้ยน แต่ก็มีข้อควรระวังคือห้ามทา BP และ กรดวิตามินเอ ในเวลาเดียวกัน เพราะ BP ทำให้กรดวิตามินเอ ไม่ออกฤทธิ์ จึงต้องเลี่ยงมาทา BP ในช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายก่อนล้างหน้า และทากรดวิตามินเอ ก่อนนอน และถ้าใช้ BP หรือกรดวิตามินเออยู่แล้วต้องระมัดระวังในการใช้กรดผลไม้ เพราะยาทุกตัวที่กล่าวมามีโอกาสทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้ง่าย ถ้าใช้ร่วมกันยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผิวแพ้ระคายเคือง โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวหรือในคนที่อยู่ห้องแอร์เพราะผิวมักแห้งอยู่แล้ว การใช้กรดวิตามินเอนั้นเพื่อความปลอดภัยควรเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำก่อนแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น นอกจากนั้นบางคนในช่วงแรกของการใช้กรดวิตามินเอนอกจากจะต้องใช้ความเข้มข้นต่ำแล้วยังอาจต้องทายาวันเว้นวันไปจนกว่าผิวจะชินยาแล้วจึงทายาทุกวันได้ ถ้าใช้ยากลุ่ม BP หรือกรดวิตามินเอแล้วผิวแห้งระคายเคืองมากควรปรึกษาแพทย์ โดยทั่วไปยากลุ่มนี้ในรูปของเจลหรือสารละลายจะทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายกว่าในรูปของครีม และถ้าใช้กรดวิตามินเอทามานานกว่า 2 เดือนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเลือกใช้ยาตัวอื่นที่เหมาะสมมากกว่านะครับ

ถามเรื่องการรักษาสิว

Q. ผมเป็นสิว เป็นๆ หายๆ มานาน บางครั้งซื้อยามาใช้เอง บางครั้งไปพบแพทย์ ได้ทั้งยาทา ยากิน บางครั้งแต่ละคลินิกก็ให้ยาไม่เหมือนกัน ล่าสุดมีการแนะนำให้ฉายแสงเพื่อรักษาสิว จึงอยากทราบเกี่ยวกับการรักษาสิวครับอัศนัย / จ.กรุงเทพฯ

A. โรคสิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด ไม่ได้เป็นแค่ความสวยความงาม จึงมีแนวทางการรักษาทางการแพทย์อย่างชัดเจน เมื่อไม่นานมีการประชุมที่สิงคโปร์และได้มีข้อตกลงร่วมกันในแนวทางการรักษาสิวของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนี้ครับ

1. ยาทาเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide)ถือว่าเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคสิวที่มีประโยชน์แต่ได้ผลเล็กน้อยต่อสิวชนิดอุดตัน (คอมีโดน) จึงให้ใช้ในสิวที่รุนแรงน้อยไปจนถึงรุนแรงปานกลาง โดยไม่ใช้เพียงตัวเดียวในกรณีของสิวอุดตัน ยาทาตัวนี้ต้องใช้อย่างระมัดระวังและใช้ในความเข้มข้นต่ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย หรือผิวที่ไวต่อการแพ้อยู่แล้ว

2. ยาทากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid)หรือยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ที่มีหลายยุค จัดว่าได้ผลดีต่อสิวชนิดสิวอุดตันและสิวที่มีการอักเสบ ยังช่วยทำให้รอยดำที่เกิดจากสิวจางลง และมีประสิทธิภาพในการใช้รักษาอย่างต่อเนื่อง ยาชนิดนี้ช่วยการดูดซึมของยาชนิดอื่นๆ ผ่านผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคืองและแพ้ต่อแสงได้ง่าย ใช้ในกรณีที่เป็นสิวรุนแรงน้อยจนถึงปานกลาง โดยให้ใช้ร่วมกับยาฆ่าเชื้อ (ในรูปของยาทาหรือยารับประทาน) เมื่อเป็นสิวอักเสบ ยากลุ่มนี้ให้ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว และให้ใช้ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบได้ อาจใช้ในรูปแบบครีมหรือรูปแบบที่พัฒนาเป็นยุคที่ 3 (third generation retinoids) สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย และใช้ในรูปแบบเจล สำหรับผู้ที่มีผิวมันเรตินอยด์หรือยาทากรดวิตามินเอยุคที่ 3 ได้แก่ adapalene และ tazarotene

3. ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)มีผลใช้รักษาสิวอักเสบโดยตรง แต่ก็พบปัญหาเชื้อดื้อยาสูงขึ้น พบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์จะลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ อาจใช้ร่วมกับยาทาชนิดอื่น เช่น ยาละลายขุย (Keratolytic agents) และเรตินอยด์ เพื่อเพิ่มผลการรักษา โดยให้ใช้ทาในกรณีของสิวที่เป็นน้อย ให้ใช้ในช่วงระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อลดปัญหาเชื้อดื้อยา (3 – 4 เดือน) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะในรูปแบบยารับประทานและรูปแบบยาทาร่วมกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นยาคนละชนิด ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาตัวเดียว (ควรใช้ยาชนิดอื่นร่วมด้วย) และหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาในการรักษาต่อเนื่อง

4. ยารับประทานกลุ่มกรดวิตามินเอ (Isotretinoin) ที่มีชื่อการค้าหลายอย่าง เช่น Roaccutane, Acnotin, Sortret, Isotane ฯลฯ ให้ใช้เฉพาะในโรคสิวหัวช้าง สิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยวิธีอื่นๆ และสิวที่เกิดจากความเครียด ผู้ป่วยต้องทราบผลข้างเคียงของยา โดยเฉพาะต้องทราบว่ายาตัวนี้ทำให้ทารกในครรภ์พิการ จึงต้องใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ต้องไม่ตั้งครรภ์ระหว่างรับยา ต้องหยุดยานาน 1 เดือนขึ้นไปจึงจะตั้งครรภ์ได้ปลอดภัย ต้องไม่บริจาคเลือดและไม่นำยาไปให้ผู้อื่น ยาตัวนี้ตามกฎต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น แต่เพราะความละเลยทำให้มียาตัวนี้วางขายตามร้านขายยาหลายแห่ง ยาตัวนี้ต้องให้ต่อเนื่องกันจนได้ขนาดยาสะสมรวม 120 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้าน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม ก็ต้องรับประทานยาไปจนครบ 120 x 60 = 7,200 มก. ถ้าทานยาเม็ด 20 มก.ต่อวัน ก็ต้องทานไปจนครบ 7,200 ? 20 = 360 วัน

ถือว่าการรักษาด้วยยาตัวนี้ประสบผลสำเร็จ เมื่อไม่มีสิวเป็นระยะเวลา 4–6 สัปดาห์ บางรายต้องได้ยาหลายคอร์ส โดยต้องเว้นระยะเวลาห่างกัน 2-3 เดือน

สำหรับการรักษาโรคสิวด้วยการฉายแสงนั้น ยังจัดว่าเป็นวิธีใหม่ แต่องค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาก็อนุมัติให้ใช้วิธีนี้แล้วครับ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบที่ไม่ต้องการรับประทานยา การฉายแสงและความร้อน (light and heat energy) ไปยังผิวหนังที่เป็นสิวอักเสบ พลังงานจะทำปฏิกิริยากับสารเคมีในแบคทีเรียทำให้เกิดออกซิเจนขึ้นมา เนื่องจากแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวไม่ชอบออกซิเจน จึงนับเป็นวิธีการขจัดเชื้อแบคทีเหนึ่งครับ นอกจากนั้นก็มีเทคนิครักษารอยแผลเป็นจากสิวคือรอยแดง ด่างดำ รอยแผลเป็นหลุมบ่อ และรอยแผลเป็นคีลอยด์ เช่น การทำไอออนโต (Iontophoresis), การฉายแสง เช่น IPL (intensed pulse light), IPL + RF (Aurora หรือ ELOS technic, RF คือ radiofrequency = พลังงานคลื่นวิทยุ), การฉายแสงสี LED (light emitting diodes, L Smart), การขัดหน้า (microdermabrasion), การไถพรวนใบหน้าด้วยลูกกลิ้งหนาม (Dermarolling), การฉีดสเตียรอยด์รักษาคีลอยด์ ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้เทคนิคเสริมเหล่านี้ตามความเหมาะสมครับ

เลเซอร์และฉายแสงรักษาสิว

Q. ลูกชายดิฉันอายุ 16 ปี เป็นสิวเห่อมาก จนเจ้าตัวดูเก็บกด แต่ดิฉันและคุณพ่อเขาไม่อยากให้กินยารักษาสิว เคยอ่านโฆษณาพบว่าปัจจุบันมีเลเซอร์และการฉายแสงรักษาสิวอยากขอรายละเอียดค่ะ มลยา / จ.กรุงเทพฯ

A. ปัจจุบันมีการศึกษาและวิจัยเรื่องการใช้เลเซอร์และการฉายแสงรักษาสิวกันมาก แต่ก็ยังไม่ใช่วิถีทางปกติทั่วไปที่ใช้รักษาสิวกันในขณะนี้ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และข้อมูลบางด้านอาจยังไม่เพียงพอ การฉายแสงและใช้เลเซอร์รักษาสิวที่มีการศึกษาและเริ่มใช้รักษาสิวในขณะนี้คือ

1. การฉายแสงสีน้ำเงิน (Blue light therapy) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ใช้แสงสีน้ำเงินในการรักษาสิวได้ ซึ่งแสงช่วงคลื่นเฉพาะนี้จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว เนื่องจากแสงสีน้ำเงินที่ฉายออกมานี้ไม่มีส่วนผสมของรังสียูวีจึงไม่ทำให้ผิวหนังได้รับอันตราย การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบธรรมดา แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบมากชนิดเป็นถุงซีสต์ที่เรียกว่าสิวหัวช้าง ก็ใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล

2. การฉายพลังงานแสงและความร้อน (light and heat energy, LHE) เชื่อว่าการใช้พลังงานแสงและความร้อนจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการทำงานของต่อมไขมัน โดยทำให้ต่อมไขมันหดตัวลง ปัจจุบันองค์การอาหารและยาของสหรัฐอนุมัติให้ใช้แสงสีเขียวร่วมกับความร้อน รักษาสิวที่เป็นน้อยถึงปานกลาง

3. การฉายแสงร่วมกับการทา ALA มีการใช้สารละลาย ALA (aminolevulinic acid) ทาผิวหนังสารละลายตัวนี้จะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น หลังจากทายา 15-60 นาที จะเช็ดยาออกและฉายแสง เนื่องจากสารละลาย ALA ทำให้ผิวไวต่อแสง หลังการรักษาโดยวิธีนี้จึงต้องไม่โดนแดด 48 ชม.

4. การใช้เทคนิค ELOS คือ พลังงานแสงร่วมกับคลื่นวิทยุฉายสิวอักเสบ

5. การใช้ไดโอดเลเซอร์ (Diode laser)

6. การใช้เพาส์ดายเลเซอร์ (Pulsed dye laser)

การใช้การฉายแสงและเลเซอร์รักษาสิวนั้นยังไม่จัดว่าเป็นการรักษาสิวในลำดับแรก เพราะยังมีค่าใช้จ่ายสูง และผลการศึกษายังไม่มากพอว่าได้ผลดีแค่ไหน และผลการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหนครับ

ฝันเปียกเกิดขึ้นกับผู้ชายทุกคน..?


กระบวนการสร้างตัวอสุจิของผู้ชายนั้น เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยเจริญพันธุ์แล้ว จะมีการสร้างต่อเนื่องไปตลอดเวลา โดยกระบวนการนับตั้งแต่เริ่มสร้างตัวอสุจิจนกระทั่งตัวอสุจิพัฒนาจนสมบูรณ์นั้น จะใช้เวลาประมาณ 72-74 วัน ระหว่างที่ดำเนินการสร้างตัวอสุจิอยู่นั้น ตัวอสุจิจะเดินทางผ่านท่อเล็กๆ ไปรวมกันในท่อใหญ่
ซึ่งจะส่งต่อไปที่ถังเก็บน้ำเชื้ออสุจิ เมื่อถังเก็บอสุจิมีปริมาณตัวอสุจิใกล้จะเต็มถัง ร่างกายจะมีปฏิกิริยาทำให้เจ้าของเกิดจินตนาการเกี่ยวกับการมีความสัมพันธ์ทางเพศอย่างใดอย่างหนึ่ง จนมีความรู้สึกเสมือนถึงจุดสุดยอด แล้วก็จะมีการบีบเอาน้ำอสุจิออกมา เพื่อให้เหลือที่ว่างสำหรับอสุจิรุ่นต่อไป นี่จึงเป็นกระบวนการทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง และเมื่ออสุจิกับน้ำอสุจิหลั่งออกมาในขณะที่ฝันไปนั้น จึงเปื้อนชุดนอนหรือที่นอนให้เป็นด่างดวงได้

เทคนิคการบริหารอวัยวะเพศชาย : เทคนิคการยืดขนาดอวัยวะเพศชาย


เทคนิคการบริหารอวัยวะเพศชาย : เทคนิคการยืดขนาดอวัยวะเพศชาย

สำหรับท่านที่มีหรือคิดว่าตัวเองมาขนาดอวัยวะเพศชายที่สั้นเกินไป ให้ ฝึกการยึดโดยใช้เทคนิคการยึดซึ่งใช้เวลาแค่วันละ 5 - 20 นาทีตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ การฝึกแนวนี้เมื่อทำติดต่อกันไปได้สัก 2-3 เดือน จะช่วยให้อวัยวะเพศชายของผู้ฝึกมีขนาดยาวขึ้นแต่จะไม่เพิ่มขนาดเส้นรอบวง หากต้องการเพิ่มขนาดเส้นรอบวงไปพร้อม ๆ กับความยาว ต้องฝึก การรีดไปพร้อม ๆ กับการฝึกยืดประสิทธิภาพของการยึด เพื่อให้ได้ผลสูงสุด ต้องเข้าใจว่าอวัยวะเพศชายประกอบด้วยกลุ่มเนื้อเยื่อซึ่งเป็นรูพรุน (Corpora Cavernosa) รูพรุนเหล่านี้จะขยายตัวออกเมื่อมีโลหิตไหลเข้ามาเนื่องจากมีการเร่งเร้าทาง เพศ เมื่อท่านดึงอวัยวะเพศชายออกไป รูพรุนเหล่านั้นจะถูกดึงให้ยึดออกไปด้วย คนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าการขยายหรือยึดขนาดของอวัยวะเพศชายเป็นเรื่องที่เป็นไป ไม่ได้เพราะคิดว่าองค์ประกอบของอวัยวะเพศชายมิได้เป็นกล้ามเนื้อและไม่เข้าใจ ว่าอวัยวะเพศชายทำงานเช่นใด ที่จริงแล้ว ด้วยส่วนประกอบของกลุ่มเนื้อเยื่อที่เป็นรูพรุนซึ่งธรรมชาติออกแบบมาเป็นการ เฉพาะให้ขยายตัวและยืดได้นั้นกลับทำให้การบริหารอย่างถูกต้องเพื่อขยายทั้ง ขนาดและความยาวทำได้ง่ายกว่าการขยายขนาดกล้ามเนื้ออื่นใดในร่างกายเสียอีก


การดำเนินการให้ทำเป็นขั้นตอนดังนี้

1.ในขณะที่อวัยวะอ่อนตัวให้นั่งบนเก้าอี้ ขอบเตียง หรือขอบอ่างอาบน้ำ

2.ใช้มือโดยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ทำห่วงจับ รอบคอเต่าอย่าให้แน่นหรือหลวมจนเกินไป

3.ดึงคอเต่าให้ยืดออกไปตรง ๆ จนรู้สึกตึงทั้งส่วนกลางและส่วนฐานของอวัยวะเพศชายแล้วค้างไว้ นับ 1 - 10 แล้วปล่อย ทำซ้ำ 3 รอบ

4.เลื่อนห่วงมือไปที่โคนอวัยวะเพศชายแล้วสลัดหรือแกว่งอวัยวะเพศชายไปมาแรง ๆ 50 ครั้ง

5.เลื่อนห่วงมือไปที่คอเต่าแล้วดึงอวัยวะออกไปทางซ้ายจนตึง นับ 1 - 10 แล้วปล่อยทำซ้ำ 3 ครั้ง

6.เลื่อนห่วงมือไปที่โคนอวัยวะเพศชายแล้วสลัดไปมาแรง ๆ 50 ครั้ง

7.เลื่อนห่วงมือไปที่คอเต่าแล้วดึงออกไปทางขวาจนตึง นับ 1 - 10 แล้วปล่อยทำซ้ำ 3 ครั้ง

8.เลื่อนห่วงมือไปที่โคนอวัยวะเพศชายแล้วสลัดไปมาแรง ๆ 50 ครั้ง สำหรับผู้เริ่มใหม่ ควรทำตามขั้นตอนข้างต้นติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน แล้วจึงเริ่มฝึกการยืดแบบเข้มข้นโดยยืดในทางตรง ทางซ้าย และ ทางขวาในแต่ละทิศทางให้นับให้ได้ 30 แล้วจึงปล่อย อย่าลืมสะบัด 50 ครั้งก่อนเปลี่ยนทิศทางทุกครั้ง


เทคนิคการยืดและควง

1.ยืดอวัยวะเพศชายออกไปตรง ๆ จนตึง

2.เมื่อตึงสุด ๆ แล้วให้หมุนควงเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา 30 รอบ ปล่อยพักครึ่งนาทีแล้วทำซ้ำอีก 3 ครั้ง

3.เลื่อนห่วงมือไปที่โคนอวัยวะเพศชายแล้วสลัดไปมาแรง ๆ 50 ครั้ง

4.ทำซ้ำโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา 30 รอบ ปล่อยพักครึ่งนาทีแล้วทำซ้ำอีก 3 ครั้ง

5.เสร็จแล้วให้รีดอวัยวะเพศชายในขณะกึ่งแข็งตัวไปอีก 30 นาที แล้วประคบด้วยผ้าร้อน 10 นาที


เคล็ดลับข้อที่ 1 การยึดอวัยวะเพศชายตามขั้นตอนข้างต้นอาจส่งผลให้เกิดการบวมช้ำ หรือ เคล็ด ขัดยอกได้ จึงควรทำแต่น้อยแล้วเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ หากมีอาการบวม ช้ำ หรือ เคล็ด ให้หยุด แล้วใช้ผ้าร้อนประคบ จนอาการทุเลาแล้วจึงเริ่มใหม่ ต้องอบอุ่น อวัยวะอย่างน้อย 10 นาทีก่อนเริ่มบริหารทุกครั้ง


เคล็ดลับข้อที่ 2 ใช้แป้งเด็กทาที่มือการบริหารจะช่วยให้การจับอวัยวะเพศชายทำได้มั่งคงยิ่งขึ้น


เคล็ดลับข้อที่ 3 ขณะที่บริหาร หากไม่สามารถควบคุมอวัยวะเพศชายให้อ่อนตัวอยู่ได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ให้หยุดทันทีที่รู้สึกว่าเริ่มสู้มือ แล้วจึงเริ่มใหม่เมื่ออวัยวะเพศชายอ่อนตัวเต็มที่