วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม่สายบ้านผมคร้าปปป...



ท่าขี้เหล็ก จังหวัดชายแดนของพม่า จำหน่ายสินค้านานาชนิด ประเภทอัญมณี พลอยสี ทับทิม หยก เครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพต่ำ ราคาถูกจากประเทศจีน อาหารทะเลแห้ง เหล้า บุหรี่ (ซึ่งมักเป็นของปลอม) เมื่อข้ามมาฝั่งท่าขี้เหล็กจะมีรถสามล้อเชิญชวนให้นั่งรถไปท่องเที่ยวเจดีย์ชเวดากองจำลอง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากชายแดนประ-มาณ 2 กม. ลักษณะเป็นเจดีย์สีทองแบบพม่า สร้างจำลองมาจากเจดีย์ชเวดากองที่เมืองย่างกุ้ง ราคา 50-80 บาท นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาไปยังจุดต่าง ๆ เช่นตลาดพลอย 20 บาท แต่ควรตกลงราคาก่อนว่าเป็นราคาเที่ยวเดียว หรือราคาเหมา
อำเภอแม่สาย อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 61 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 110 เป็นอำเภอเหนือสุดของประเทศไทย ติดกับจังหวัดท่าขี้เหล็กของประเทศพม่า โดยมีแม่น้ำแม่สายเป็นพรมแดน มีสะพานเชื่อมเมืองทั้งสองเข้าด้วยกัน ทั้งชาวไทยและชาวพม่าเดินทางไปมาหาสู่ค้าขายกันโดยเสรี นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปยังตลาดแม่สายและท่าขี้เหล็กของพม่า เพื่อซื้อสินค้าพื้นเมืองและสินค้าราคาถูก เช่น สบู่สุมนไพร เครื่องทองเหลือง ตะกร้า การข้ามไปท่าขี้เหล็ก นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทาง เขตประเทศพม่าได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.30 - 18.00 น. โดยใช้บัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้ ค่าบริการคนละ 30 บาท ค่าผ่านแดนเข้าพม่า 10 บาท สินค้าที่ไม่อนุญาตให้ซื้อเข้าไทย ได้แก่ สินค้าจากากวัตว์ป่า สุรา บุหรี่ต่างประเทศและซีดีลามกอนาจาร หากซื้อมาเพื่อการค้าต้องเสียภาษีนำเข้าให้ถูกต้องด้วย
ประวัติ ตลาดแม่สายเป็นตลาดการค้าชายแดนที่มีชื่อเสียงมานานหลายสิบปี เนื่องจากชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยจะเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ จากฝั่งไทยอย่างคึกคัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปท่องเที่ยวท่าขี้เหล็กได้โดยไม่ต้องออกหนังสือผ่านแดน ภายหลังเกิดการรบพุ่งระหว่างรัฐบาลพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย และกลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างสองประเทศ จึงมีการปิดด่านอยู่เนือง ๆ แต่ก็มีการเจรจาจนสถานการณ์คลี่คลายไปด้วยดี อย่างไรก็ตามปัญหาชนกลุ่มน้อย ยาเสพติด ทำให้การผ่านแดนต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด คนไทยจึงต้องทำหนังสือผ่านแดนหากต้องการไปท่องเที่ยวที่ท่าขี้เหล็ก
แหล่งท่องเที่ยว
พระธาตุดอยเวา
วัดพระธาตุดอยเวา ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย (ตั้งอยู่บนดอยริมฝั่งแม่น้ำสาย) ตามประวัติกล่าวว่า พระองค์เวาหรือเว้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกเป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่งเมื่อ พ.ศ.364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองลงจากพระบรมธาตุดอยตุง บนพระธาตุดอยเวาได้จัดตกแต่งให้มีความร่มรื่นเป็นอันมาก มีหอชมทิวทัศน์ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ในตัวเมืองแม่สาย และจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนม่าร์ ได้อย่างชัดเจน มีรูปปูนปั้นแมงป่องช้าง (แมงเวา) ตัวขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ บริเวณลานกว้างทางด้านเหนือขององค์พระเจดีย์ มีอนุสาวรีย์ของ พระนเรศวรมหาราช พระสุพรรณกัลยา และพระเอกาทศรสประดิษฐานอยู่เคียงข้างกัน โดยอนุสาวรีย์ทั้ง 3 พระองค์สร้างขึ้นตามความตั้งใจของหลวงปู่โง่น โสรโย แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร รวมทั้งมีปราสาทไพชยนต์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประกาศถึงคุณงามความดี และเพื่อสักการะพระอินทร์ (องค์อัมรินทราธิราช) ซึ่งร่วมสร้างกันหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ และเอกชน คหบดีของอำเภอแม่ส
ถ้ำผาจม หรือ สำนักวิปัสสนาวัดถ้ำผาจม ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากอำเภอแม่สายไปทางทิศเหนือประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถ้ำผาจมตั้งอยู่บนดอยอีกลูกหนึ่งทางทิศตะวันตกของดอยเวา ติดกับแม่น้ำสาย เคยเป็นสถานที่พระภิกษุสงฆ์นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปัจจุบันมีรูปปั้นของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ประดิษฐานไว้บนดอยด้วย ภายในถ้ำผาจมมีหินงอกหินย้ยอยู่ตามผนังและเพดานถ้ำ สวยงามวิจิตรการตา
ถ้ำปุ่ม-ถ้ำปลา-ถ้ำเสาหินพญานาค ถ้ำปุ่ม ถ้ำปลา ถ้ำเสาหินพญานาค ตั้งอยู่ที่ดอยจ้อง หมู่ 11 ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ห่างจากอำเภอแม่สายไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 110 ประมาณ 12 กิโลเมตร มีทางแยกขวาเข้าไปอีกแระมาณ 2 กิโลเมตร ดอยจ้องเป็นภูเขาหินปูน จึงประกอบด้วย ถ้ำหอนงอก หินย้อย และทางน้ำไหลมากมาย ถ้ำปุ่มอยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขา ต้องปีนขึ้นไป ภายในถ้ำมืดมากต้องมีผู้นำทางถ้ำปลา เป็นถ้ำหนึ่งที่มีน้ำไหลภายในถ้ำ เคยมีปลาชนิดต่างๆ ทั้งใหญ่น้อยว่ายออกมาให้เห็นเป็นประจำ ภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศิลปะพม่า สร้างขึ้นโดยภิกษุชาวพม่า ประชาชนทั่วไปเรียกว่า "พระทรงเครื่อง" เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนในแถบนี้ถ้ำเสาหินพญานาค อยู่บริเวณเดียวกัน เดิมต้องพายเรือข้ามน้ำเข้าไปชม ภายหลังได้สร้างทางเดิน เชื่อมกับถ้ำปลา ระยะทาง 150 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย และยังเป็นที่ปฏิบัติธรรมด้วย

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ชีวิตใหม่...

เมื่อวานไอ้นนท์โทรมาบอกว่าเมียมันเกิดลูกแล้วอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี เป็นผู้หญิง แต่ว่าหมอเขายังไม่ให้มันเฝ้า มันเลยมาขอนอนด้วยกะกรูที่ห้อง ก็เลยพามันไปกินเบียร์กันที่ร้านคาราโอเกะใกล้ๆห้อง แต่ดูแล้วมันไม่ค่อยมีอาการดีอกดีใจสักเท่าไหร่นัก ทั้งๆที่มันเพิ่งได้ลูกสาว มันแต่ผมก็ไม่กล้าถามอะไรมันมากนัก มันเองก็ยังไม่ได้เห็นหน้าลูกมันเลย มันก็เลยยังคงไม่รู้ว่าจะแสดงอารมณ์แบบไหนดีมั้ง ผมก็แสดงความดีใจกับมันไปด้วยการชนแก้ว แก้วแล้วแก้วเล่าจนรู้สึกมึน ก็เลยพากันกลับห้อง

ไม่ได้เขียนบันทึกมานานหลายวันมากเลย เพราะว่าไม่ค่อยถนัดกับการเขียนด้วยปากกา กว่าจะเขียนได้นิดหน่อยก็เมื่อยมือเหลือเกิน ตอนนี้อยากได้โน้ตบุคมากเลยคับจะได้เอาไว้ใช้งาน เขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆได้ง่ายดายขึ้น ได้สร้างความบันเทิงให้ตัวเอง ไว้ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง แต่ยังไม่มีเงินเลยต้องขอเวลาเก็บเงินอีกสักระยะคับ กะว่าจะซื้อเป็นของขวัญวันเกินให้ตัวเองนะคับ
เฮ้อออ... พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนกับใครดีน้อออออ...

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันนี้วันหยุดชดเชยครับ หยุดสองวัน ไม่ได้เขียนไดอารี่มาตั้งนานหลายวันแล้ว จริงๆแล้วก็เขียนอยู่บ้างนะ แต่ว่าเขียนลงสมุด ก็เขียนได้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะว่าเมื่อยมือเลยไม่ค่อยอยากเขียน และอีกอย่างก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่น่าประทับใจที่จะเขียนเก็บไว้ด้วยมั้ง วันนี้เป็นวันลอยกระทงนะ แต่ผมก็ต้องอยู่คนเดียวอีกตามเคย ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวกับใครไปลอยกระทงกับใคร โทรหาเพื่อนก็ไม่ค่อยติด แต่จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยล่ะ โทรหาไอ้นนท์ตั้งหลายวันแล้วแต่ว่าไม่ติด กะว่าวันหยุดนี้จะไปหามันซะหน่อย แต่พอตอนค่ำวันนี้มันก็โทรมานะเหมือนมันรู้ แต่ว่าโทรมาตอนนี้กรูก็คงไปหาเมิงไม่ได้แล้วล่ะเพราะว่ามันค่ำแล้ว มันบอกว่าเปลี่ยนเบอร์โทรใหม่ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้โทรมาบอก มันบอกว่ามันถูกล็อตเตอรี่เลขท้ายหมุน 4 ครั้ง กรูก็ซื้อเหมือนกัน แต่ทำไมกรูไม่ถูกบ้างว่ะ พอใกล้หวยออกที่ไรไม่รู้เป็นไรฝันโน่นฝันนี่ตลอด แต่ก็ไม่ค่อยซื้อหรอกแต่งวดนี้ก็ซื้อนะ กะว่าจะถูกได้เงินซะหน่อยแต่ก็ถูกกินอะดิ๊
วันนี้ได้ยินแต่เสียงเขาจุดประทัดกัน เสียงดังครึกครื้นทีเดียวแต่ทำไมจิตใจผมถึงได้เงียบเหงาเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรหรอกชินแล้วครับกับการอยู่คนเดียว ไปเดินเล่นแถวหน้าเซ็นทรัลเวิอร์ เขาจัดงานเปิดลานเบียร์กันคงเปิดจนถึงสิ้นปีโน่นล่ะมั้ง มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แต่ทำไมผมถึงได้นั่งอยู่เพียงคนเดียวมองไปทางไหนก็ไม่รู้จักใครสักคน และก็ไม่มีใครรู้จักผมด้วยล่ะซิ แต่ไม่เป็นไรก็บอกแล้วไงว่าชินแล้วกับการอยู่คนเดียว ก็เลยไปซื้อธูปเทียนไปไหว้พระดีกว่า แล้วก็เดินกลับห้อง เหนี่อยมากแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะครับ
***ชีวิตคนเราบางครั้งก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอเพียงมีใครสักคนที่เข้าใจเรา เป็นที่พึ่งทางใจให้กับเราได้แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขมากแล้ว...